MYSTERY BABYLON THE GREAT WHORE
Chapter 6 RAPTURE, Is it Real?
การแร็พเจอร์มีจริงหรือไม่?
There are many people who refuse to believe in RAPTURE because the word “rapture" does not appear in the HOLY BIBLE. This is FOOLISHNESS! Although the word, "rapture" itself, indeed does not appear within the HOLY BIBLE, the PHENOMENA of RAPTURE appears many times throughout the SCRIPTURES.
มีคนมากมายที่ปฏิเสธที่จะเชื่อว่าการแร็พเจอร์มีจริง เนื่องจากไม่ปรากฏคำนี้ “Rapture” ในพระคำภีร์ ช่างเป็นความคิดที่โง่เขลาสุดๆ เพราะแม้คำว่า “Rapture” จะไม่มีปรากฏในพระคำภีร์ แต่ปรากฏการณ์ลักษณะนี้เกิดขึ้นหลายครั้งต่อหลายครั้งตลอดเรื่องราวในพระคำภีร์
For lack of having another word to describe the PHENOMENA of GOD moving people about in a SUPERNATURAL way, a young Scottish Lady in the early eighteen hundreds gave the PHENOMENA a name, she called it "Rapture". The word, "RAPTURE" means, ecstasy, and the young lady used the word "RAPTURE" to describe the ecstatic feeling she had experienced while being touched by an Angel of GOD.
เนื่องจากไม่รู้จะหาคำใดมานิยามถึงปรากฏการณ์ที่พระเจ้าทำให้คนของพระองค์เคลื่อนย้ายในลักษณะที่เหนือธรรมชาติเช่นนี้ หญิงสาวชาวสก๊อตแลนคนหนึ่งในยุคต้น ค.ศ. 1800 ได้นิยามปรากฏการณ์เหนือธรรมชาติแบบนี้ว่า “Rapture” คำว่า “Rapture” นี้มีความหมายถึงความปลาบปลื้มคลั่งไคล้ และเธอได้ใช้คำว่า “Rapture” นี้เพื่ออธิบายถึงความรู้สึกปลาบปลื้มอย่างคลั่งไคล้ที่เธอมีต่อประสบการณ์ที่เธอได้รับการสัมผัสจากฑูตสวรรค์ของพระเจ้า
The one thing I KNOW for certain is that RAPTURE will not occur to anyone who does not BELIEVE in it. THE LORD has told ME on several occasions that the people not believing in RAPTURE need not worry about it, for they will certainly never experience it. This is not a good thing for them; for it is by RAPTURE that them who are taken off the EARTH are put into a "PLACE of PROTECTION", to keep them from the "HOUR of TEMPTATION", also called the "Mark of the Beast". It is also by RAPTURE that GOD'S CHILDREN, and GOD'S PEOPLE, ISRAEL are brought into "NEW JERUSALEM in THE NEW MILLENNIUM. It is also by RAPTURE that them in the NEW MILLENNIUM are taken up to HEAVEN.
สิ่งหนึ่งที่ผมมั่นใจแน่ๆคือ การแร๊พเจอร์จะไม่มีวันเกิดขึ้นกับคนที่ไม่เชื่อในมัน พระเจ้าได้บอกผมผ่านเหตุการณ์ในหลายๆครั้งว่า ใครก็ตามที่ไม่เชื่อเรื่อง Rapture ไม่จำเป็นต้องกังวลเกี่ยวกับมัน เพราะพวกเขาจะไม่มีโอกาสได้สัมผัสกับมันอย่างแน่นอน ซึ่งถือเป็นเรื่องน่าเศร้าสำหรับพวกเขา เพราะใครก็ตามที่ถูก Rapture จะถูกพาไปเก็บไว้ยัง “ที่ปลอดภัย” เพื่อปกป้องพวกเขาไว้จาก “กลียุค” หรือเรียกว่า “สัญลักษณ์แห่งสัตว์ร้าย” ผ่านทางการ Rapture บุตรของพระเจ้า และประชากรของพระองค์ – อิสราเอลจะถูกนำเข้าสู่ “นครเยรูซาเล็มใหม่ในยุคพันปี” และผ่านทางการ Rapture เขาเหล่านั้นที่อยู่ในยุคพันปีจะถูกรับขึ้นสู่สวรรค์
As explained in my other three books, what WE refer to, as RAPTURE, is the methodology (PHENOMENA) used by GOD to move people about. In some cases the people being moved only move in Spirit, and in some cases the people being moved are moved both in BODY and in SPIRIT. In some cases the people being moved are moved horizontally into a PARALLEL DIMENSION, and in some cases they are moved into a VERTICAL DIMENSION (they ASCEND)
ดังที่ได้อธิบายไว้ในหนังสือก่อนหน้านี้ทั้ง 3 เล่มของผม การ Rapture นั้นหมายถึงปรากฏการณ์ที่พระเจ้าใช้ในการเคลื่อนย้ายประชากรของพระองค์ ในบางกรณีคนที่ถูกพาไปนั้นถูกพาไปเพียงแค่วิญญาณ และในบางกรณีถูกพาไปทั้งจิตวิญญาณและร่างกาย ในบางกรณีคนที่ถูกพาไปนั้นถูกพาไปแบบแนวนอนสู่มิติคู่ขนาน และในบางกรณีถูกพาไปสู่มิติแบบแนวตั้ง คือลอยขึ้นไปด้านบน
In some cases the people being moved are TRANSFIGURED into another Physical Form, and in some cases they are TRANSFIGURED into a SPIRITUAL "BODY of LIGHT"! However, in no case SAITH THE LORD, will a NON-BELIEVER experience this phenomenon!
ในบางกรณีคนที่ถูกพาไปนั้นถูกเปลี่ยนรูปกายไปเป็นรูปกายอื่น และในบางกรณีพวกเขาถูกเปลี่ยนให้อยู่ในรูปของแสง (วิญญาณที่อยู่ในรูปแบบของแสง) อย่างไรก็ตาม จะไม่มีทางที่คนที่ไม่เชื่อเรื่องนี้จะถูกพาไปหรือได้รับประสบการณ์เรื่องแบบนี้อย่างแน่นอน พระเจ้าตรัสกับผม
SCRIPTURES describing the PHENOMENA of RAPTURE
พระคำภีร์ได้อธิบายถึงปรากฏการณ์แร๊พเจอร์
Early on in the HOLY BIBLE, the SCRIPTURES refer to Enoch, the son of Jared, being taken up by GOD rather than him dying. Whereas the others mentioned in the LINEAGE of SETH die at some age, Enoch, by the SCRIPTURE never dies; but rather it says that GOD took him. There were people around Enoch when he simply disappeared before their eyes, this is why the SCRIPTURES say, "and he was not". There are many stories told about Enoch that are not included in the HOLY BIBLE, all of which describe the CLOSE RELATIONSHIP that Enoch had with THE LORD. These stories tell of how Enoch was taken by GOD up to HEAVEN on several occasions, and INTRODUCED by GOD to ALL of the ANGELS. These stories are TRUE!
พระคำภีร์ในช่วงแรกๆได้กล่าวถึง เอโนค บุตรของยาเรศ ผู้ที่ถูกพระเจ้ารับขึ้นไปทั้งที่ยังเป็นอยู่ ทั้งที่คนอื่นๆในตระกูลถูกบันทึกไว้ว่าเสียชีวิตและระบุอายุขัยไว้ด้วย เอโนค เป็นคนเดียวที่ไม่ตาย แต่ถูกกล่าวไว้ว่าพระเจ้าได้รับเขาไป มีประชาชนอยู่กับเอโนคด้วย ณ.เวลาที่เขาถูกพระเจ้ารับไปต่อหน้าต่อตาพวกเขา นั่นเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมพระคำภีร์ใช้คำว่า “และเขาก็หายไป” มีเรื่องราวมากมายเล่าเกี่ยวกับเอโนคที่ไม่ได้ถูกบันทึกลงในพระคำภีร์ ซึ่งทุกอย่างได้บอกชัดเจนถึงความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดแน่นแฟ้นระหว่างเอโนคและพระเจ้า เรื่องราวเหล่านี้เปิดเผยให้ทราบว่าเอโนคถูกรับขึ้นไปสวรรค์โดยพระเจ้าในหลายๆครั้ง และพระเจ้าได้แนะนำเขาให้บรรดาฑูตสวรรค์ทั้งหมดรู้จัก เรื่องราวเหล่านี้เป็นเรื่องจริง!
Genesis 5:20 And all the days of Ja'-red were nine hundred sixty and two years: and he died.
Genesis 5:21 And E' -noch lived sixty and five years, and begat Me-thu' -se-lah:
Genesis 5:22 And E'-noch WALKED WITH GOD after he begat Me-thu' -se-lan three hundred years, and begat sons and daughters:
Genesis 5:23 And all the days of E' -noch were three hundred sixty and five years:
Genesis 5:24 And E' -noch WALKED WITH GOD: and he was not; for GOD TOOK HIM.
5:19 และตั้งแต่ยาเรดให้กำเนิดเอโนคแล้ว เขาก็มีอายุต่อไปอีกแปดร้อยปี และให้กำเนิดบุตรชายและบุตรสาวหลายคน
5:20 และรวมอายุของยาเรดได้เก้าร้อยหกสิบสองปีและเขาได้สิ้นชีวิต
5:21 และเอโนคอาศัยอยู่ได้หกสิบห้าปี ก็ให้กำเนิดบุตรชื่อเมธูเสลาห์
5:22 และตั้งแต่เอโนคให้กำเนิดเมธูเสลาห์แล้ว เขาก็ดำเนินกับพระเจ้าสามร้อยปี และให้กำเนิดบุตรชายและบุตรสาวหลายคน
5:23 และรวมอายุของเอโนคได้สามร้อยหกสิบห้าปี
5:24 และเอโนคได้ดำเนินกับพระเจ้า แล้วเขาก็หายไป เพราะพระเจ้าทรงรับเขาไป
The SCRIPTURES of the HOLY BIBLE also tell of the Story of the PROPHET ELIJAH, whom did not die, as did the PROPHETS of JezebeL The SCRIPTURES describe how ELIJAH'S "under study", Elisha, witnessed the RAPTURE of ELIJAH.
เรื่องราวในพระคำภีร์ยังได้เล่าถึงชีวิตของผู้เผยพระวจนะ เอลียาห์ ผู้ซึ่งไม่ได้ตาย เช่นเดียวกันกับผู้เผยพระวจนะ เยเซเบล พระคำภีร์ได้อธิบายว่าเอลีชาผู้ซึ่งเป็นผู้ติดตามของเอลียาห์ได้เป็นพยานถึงเรื่องการถูกแรพเจอร์ของเขา
2 Kings 2:10 And he said, Thou hast asked a hard thing: nevertheless, if thou see me when I am taken from thee, it shall be so unto thee; but if not, it shall not be so.
2:9 และอยู่มาเมื่อท่านทั้งสองข้ามไปแล้ว เอลียาห์จึงพูดกับเอลีชาว่า “จงขอสิ่งที่อยากให้ข้าพเจ้าทำเพื่อท่านก่อนที่ข้าพเจ้าจะถูกรับไปจากท่าน” และเอลีชาตอบว่า “ขอให้ฤทธิ์เดชของท่านอยู่กับข้าพเจ้าเป็นสองเท่าเถิด”
2:10 และท่านตอบว่า “ท่านขอสิ่งที่ยากนัก แต่ถ้าท่านเห็นข้าพเจ้าถูกรับขึ้นไปจากท่าน ท่านก็จะได้อย่างนั้น แต่ถ้าท่านไม่เห็น ก็จะไม่เป็นแก่ท่านอย่างนั้น”
NOTE: The reason that ELIJAH told Elisha that in order for him to RECEIVE his request, he must witness the RAPTURE. This is because had Elisha not believed in the RAPTURE, he could not have WITNESSED IT! And if he did not BELIEVE, he wasn't WORTHY to RECEIVE that which he had requested!
หมายเหตุ : เหตุผลที่เอลียาห์บอกเอลีชาว่าหากอยากให้คำขอของเขาเป็นจริง เขาจะต้องเป็นพยานถึงการถูกรับขึ้นไปก่อน เนื่องจากหากเอลีชาไม่เชื่อในเรื่องการแร็พเจอร์ เขาจะไม่มีทางที่จะเป็นพยานในเรื่องนี้แน่ และถ้าเขาไม่เชื่อในเรื่องนี้เขาก็ไม่มีค่าคู่ควรที่จะได้รับสิ่งที่เขาปรารถนา
2 Kings 2:12 And E-li'-sha SAW IT, and he cried, MY FATHER, MY FATHER, the CHARIOT of ISRAEL, and the HORSEMEN thereof And he saw him no more: and he took hold of his own clothes, and rent them in two pieces.
2:11 และอยู่มาเมื่อท่านทั้งสองยังเดินพูดกันต่อไป ดูเถิด รถเพลิงคันหนึ่งและม้าเพลิงได้แยกท่านทั้งสองออกจากกัน และเอลียาห์ได้ขึ้นไปโดยลมหมุนเข้าสวรรค์
2:12 เอลีชาก็เห็น และท่านได้ร้องว่า “คุณพ่อของข้าพเจ้า คุณพ่อของข้าพเจ้า รถรบของอิสราเอลและพลม้าประจำ” และท่านก็ไม่ได้เห็นเอลียาห์อีกเลย แล้วท่านก็จับเสื้อของตนฉีกออกเป็นสองท่อน
NOTE: As WE continue on through the SCRIPTURES that describe the PHENOMENA WE call RAPTURE, you should see that only a FOOL would dispute that it HAPPENS, regardless of what it is called. Nevertheless, this world is FULL of FOOLS!
หมายเหตุ : จากข้อความในพระคำภีร์ที่ได้อธิบายถึงปรากฏการณ์ที่เราเรียกกันว่า “แร็พเจอร์” จากเหตการณ์ทั้งหมดที่เกิดขึ้นคุณจะเห็นว่ามีเพียงคนโง่เท่านั้นที่จะปฏิเสธว่ามันไม่มีจริง แต่ก็อย่างว่า ถึงอย่างไรโลกนี้เต็มไปด้วยคนโง่อยู่แล้ว
In the Book of the PROPHET Isaiah, the RAPTURE is briefly mentioned regarding; the people whom are taken off the EARTH at the END TIME and put into a "PLACE of PROTECTION", to keep them from the EVIL that is about to come upon the world.
ในพระธรรมของผู้เผยพระวจนะอิสยาห์ ได้กล่าวถึงการแร็พเจอร์ ว่าประชากรที่ถูกรับขึ้นไปจากแผ่นดินโลกในยุคสุดท้ายและถูกเก็บไว้ที่ “ที่ปลอดภัย” เพื่อรักษาพวกเขาไว้จากมารซาตานที่ถูกปล่อยสู่โลก
57:1 คนชอบธรรมพินาศ และไม่มีใครเอาใจใส่ คนที่มีใจเมตตาถูกเอาไปเสีย ไม่มีใครพิจารณาว่าคนชอบธรรมถูกเอาไปเสียจากความชั่วร้ายที่จะมา
The next example of RAPTURE comes at the TIME of JESUS CHRIST, prior to HIS crucifixion and RESURRECTION. The Disciples PETER, James, and JOHN witness the EVENT of RAPTURE, whereas JESUS is TRANSFIGURED into a BODY of LIGHT. JESUS MEETS with both MOSES and ELIJAH, whom by RAPTURE come from HEAVEN to the EARTH being also in BODIES of LIGHT, to SPEAK with JESUS.
ตัวอย่างต่อไปของการแร็พเจอร์เกิดขึ้นในยุคของพระเยซูคริสต์ ก่อนหน้าที่พระองค์จะถูกตรึงกางเขนและฟื้นคืนพระชนม์ อัครสาวกเปโตร, ยากอบ, และยอห์น ได้เป็นพยานถึงการแร็พเจอร์ เมื่อพระเยซูได้จำแลงพระองค์อยู่ในสภาพของแสง พระเยซูได้พบกับโมเสสและเอลียาห์ ผู้ซึ่งได้ถูกแร็พเจอร์ไปก่อนหน้านั้น ได้กลับมาจากสวรรค์สู่โลกมนุษย์ในสภาพของแสงเพื่อพูดคุยกับพระเยซู
Matthew 17:2 And was TRANSFIGURED before them: and HIS FACE did shine as the sun, and HIS raiment was WHITE as the LIGHT.
Matthew 17:3 And, BEHOLD, there appeared unto them MOSES and E-li'-as talking with HIM.
17:1 ครั้นล่วงไปได้หกวันแล้ว พระเยซูทรงพาเปโตร ยากอบ และยอห์นน้องชายของยากอบ ขึ้นภูเขาสูงแต่ลำพัง
17:2 แล้วพระกายของพระองค์ก็เปลี่ยนไปต่อหน้าเขา พระพักตร์ของพระองค์ก็ทอแสงเหมือนแสงอาทิตย์ ฉลองพระองค์ก็ขาวผ่องดุจแสงสว่าง
17:3 ดูเถิด โมเสสและเอลียาห์ก็มาปรากฏแก่พวกสาวกเหล่านั้น กำลังเฝ้าสนทนากับพระองค์
NOTE: How can these PHENOMENA be denied? These are all documented and WITNESSED EVENTS. Whether the EVENT is called, RAPTURE, or by another name! What difference does it make? Why listen to them who will be DENIED RAPTURE? For they will even deny it after it has happened! Don't be LEFT BEHIND! The next RAPTURE occurs after JESUS' RESURRECTION, while HE walked with HIS DISCIPLES.
หมายเหตุ : คิดดูว่าปรากฏการณ์เช่นนี้ถูกปฏิเสธได้อย่างไร ในเมื่อมีหลักฐานที่ถูกบันทึกอย่างเป็นลายลักษณ์อักษร และมีเหตุการณ์ที่ยืนยันได้ ไม่ว่าเหตุการณ์แบบนั้นจะถูกเรียกว่า “แร็พเจอร์” หรือจะเรียกอย่างอื่นก็ไม่สำคัญ ทำไมเราจะต้องไปฟังคำคนที่จะปฏิเสธการแร็พเจอร์ด้วย? ในเมื่อท้ายท่ีสุดพวกเขาก็จะปฏิเสธมันอยู่ดี แม้ว่าเหตุการณ์เพิ่งจะเกิดก่อนหน้านั้นก็ตาม อย่าเป็นคนที่ถูกท้ิงไว้ การแร็พเจอร์ครั้งถัดมาเกิดขึ้นหลังจากการฟื้นคืนพระชนม์ของพระเยซู ขณะที่พระองค์กำลังเดินอยู่กับเหล่าสาวก
Luke 24:51 And it came to pass, while HE BLESSED them, HE was PARTED from them, and CARRIED UP INTO HEAVEN.
24:50 พระองค์จึงพาเขาออกไปถึงหมู่บ้านเบธานี แล้วทรงยกพระหัตถ์ อวยพรเขา
24:51 ต่อมาเมื่อทรงอวยพรอยู่นั้น พระองค์จึงไปจากเขา แล้วทรงถูกรับขึ้นไปสู่สวรรค์
NOTE: It may be noted that I no longer refer to JESUS' Disciples as being Apostles as I had done in MY previous BOOKS. THE LORD has CORRECTED ME regarding this matter. Disciples are STUDENTS and Apostles are considered to be Teachers of the WORD of GOD. In the SCRIPTURES, the WORDS, "Rabbi" and "MASTER" both mean TEACHER, and JESUS says specifically to call no man your TEACHER, for ONLY ONE is your TEACHER, CHRIST, for HE is the WORD of GOD!
หมายเหตุ : คุณอาจะสังเกตุเห็นว่าผมไม่ได้กล่าวถึงสาวก (Deciples) ของพระเยซูในฐานะของอัครฑูต (Apostles) (ผู้เผยแพร่ศาสนา) เหมือนกับที่ผมได้เคยกล่าวถึงไว้ในหนังสือเล่มก่อนหน้านี้ พระบิดาได้บอกผมให้ทำความเข้าใจเสียใหม่เกี่ยวกับเรื่องนี้ คำว่าสาวก (Deciples) หมายถึงนักเรียน และ Apostles นั้นหมายถึงการเป็นผู้สอนพระวจนะพระเจ้า ในพระคำภีร์ คำว่า “รับบี” (Rabbi) และคำว่า “ผู้ปกครอง” (Master) นั้นมีความหมายเหมือนกันว่า อาจารย์ และพระเยซูได้กล่าวไว้อย่างเจาะจงว่าอย่างเรียกใครว่าอาจารย์เลย เพราะไม่มีใครที่จะเป็นอาจารย์ของท่านนอกจากพระคริสต์ เพราะพระองค์คือพระวาทะของพระเจ้า
Matthew 23:10 NEITHER BE YE CALLED MASTERS: FOR ONE IS YOUR MASTER, EVEN CHRIST.
23:8 ท่านทั้งหลายอย่าให้ใครเรียกท่านว่า ‘รับบี’ ด้วยท่านมีพระอาจารย์แต่ผู้เดียวคือพระคริสต์ และท่านทั้งหลายเป็นพี่น้องกันทั้งหมด
23:10 อย่าให้ผู้ใดเรียกท่านว่า ‘นาย’ ด้วยว่านายของท่านมีแต่ผู้เดียวคือพระคริสต์
You can see that even at the onset of the Church, by the Disciples referring to themselves as being Apostles, meaning Teachers or Masters of the WORD of GOD, they were doing exactly what JESUS CHRIST had FORBID them to do! So I ask you, how could they have considered themselves to be Christians when they were DISOBEYING that which JESUS CHRIST had TAUGHT and following their own doctrine, rather than the WORD of GOD? On the EARTH a person can never attain the LEVEL of Teacher of the WORD of GOD, you are a STUDENT at best, never FORGET this!
คุณจะเห็นว่าขนาดการเริ่มต้นคริสตจักรสมัยแรกๆ เหล่าสาวกยังเรียกพวกเขาเองว่า Apostles ซึ่งมีความหมายถึงผู้สอนและอาจารย์สอนพระวจนะพระเจ้า พวกเขากำลังทำในสิ่งที่พระเยซูได้สั่งห้ามไว้ก่อนหน้านั้นว่าไม่ให้ทำ ดังนั้น ผมขอถามคุณหน่อยว่า พวกเขากล้าเรียกตัวเองว่าคริสเตียนได้ยังไงในเมื่อพวกเขาไม่ได้เชื่อฟังคำสอนของพระเยซูคริสต์ แต่กลับดำเนินตามหลักการทฤษฏีของตัวเองมากกว่าจะทำตามพระวจนะพระเจ้า ในโลกนี้ไม่มีใครสักคนเดียวที่คู่ควรกับตำแหน่ง ผู้สอนพระวจนะพระเจ้า พวกเราทุกคนคือนักเรียนผู้ศึกษาพระคำพระองค์ไม่มีทางเป็นมากไปกว่านั้น จงจำเอาไว้
The next RAPTURE occurs to the Disciple JOHN, when he is given the REVELATION of JESUS CHRIST. This RAPTURE entails only the MOVEMENT of JOHN in SPIRIT. His body of flesh remained in his prison cell on the Island of Patmos while his SPIRIT ASCENDED UP to HEAVEN.
การแร็พเจอร์คร้ังถัดมาเกิดขึ้นกับสาวกยอห์น ขณะที่เขากำลังได้รับวิวรณ์ของพระเยซูคริสต์ การแร็พเจอร์ครั้งนี้เป็นเพียงการแร็พเจอร์ในฝ่ายวิญญาณ คือวิญญาณของยอห์นได้ถูกพาไป แต่ร่างกายของเขายังคงอยู่ในคุกในเกาะปัทมอส ส่วนจิตวิญญาณของเขาถูกพาขึ้นสู่สวรรค์
4:1 ต่อจากนั้น ดูเถิด ข้าพเจ้าได้เห็นประตูสวรรค์เปิดอ้าอยู่ และพระสุรเสียงแรกซึ่งข้าพเจ้าได้ยินนั้นได้ตรัสกับข้าพเจ้าดุจเสียงแตรว่า “จงขึ้นมาบนนี้เถิด และเราจะสำแดงให้เจ้าเห็นเหตุการณ์ที่จะต้องเกิดขึ้นในภายหน้า”
FUTURE RAPTURES
การแร็พเจอร์ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต
การแร็พเจอร์ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต
The balance of RAPTURE referred to by SCRIPTURE has yet to take place, but I BELIEVE that the FIRST RAPTURE, the "RAPTURE of THE BRIDE" can happen at anytime now! The RAPTURE of THE BRIDE will occur at the SOUNDING of the FIRST TRUMPET. This RAPTURE is referred to as "PARALLEL RAPTURE", because THE BRIDE will be taken into a PARALLEL DIMENSION, to a "PLACE of PROTECTION". This PLACE is a gigantic CITY built into a mountain of ROCK in another DIMENSION, referred to by SCRIPTURE as being a PLACE in the WILDERNESS. THE BRIDE will remain there for three and one-half years during the time of GREAT TRIBULATION.
การแร็พเจอร์ที่เหลือตามที่พระวจนะได้กล่าวถึงนั้นยังไม่เกิดขึ้น แต่ผมเชื่อว่าการแร็พเจอร์ครั้งแรก หรือที่เรียกว่า “การแร็พเจอร์เจ้าสาวของพระคริสต์” ที่จะมาถึงนี้สามารถเกิดขึ้นเมื่อไหร่ก็ได้ในปัจจุบัน การแร็พเจอร์เจ้าสาวของพระคริสต์จะเกิดเมื่อเสียงแตรแรกดังขึ้น การแร็พเจอร์นี้เรียกได้ว่าเป็นการแร็พเจอร์คู่ขนาน “Parallel Rapture” เพราะว่าเจ้าสาวนั้นจะถูกรับไปยังมิติคู่ขนานสู่ “สถานที่ปลอดภัย” (Place of Protection) สถานที่นี้เป็นมหานครที่กว้างใหญ่สร้างอยู่ในภูเขาหินที่อยู่ในอีกมิติหนึ่ง ซึ่งในพระคำภีร์กล่าวถึงไว้ว่าเป็นสถานที่รกร้างว่างเปล่า เจ้าสาวจะถูกเก็บรักษาไว้ที่นั่นเป็นเวลา 3 ปีครึ่งระหว่างช่วงเวลาแห่งกลียุค
12:6 และหญิงนั้นก็หนีเข้าไปในถิ่นทุรกันดาร ที่นางมีสถานที่ซึ่งพระเจ้าได้ทรงจัดเตรียมไว้ให้ เพื่อนางจะได้รับการเลี้ยงดูอยู่ที่นั่นตลอดพันสองร้อยหกสิบวัน
Eighteen months after the BRIDE has RECEIVED RAPTURE, at the SOUNDING of the THIRD TRUMPET, the TWO WITNESSES, whom are KING DAVID and KING SOLOMON in SPIRIT, will also RECEIVE RAPTURE. This is called the SECOND TRIBULATION RAPTURE! They who are to be SAVED thereafter will witness this RAPTURE, and will REPENT to GOD of their SINS.
18 เดือนหลังจากที่เจ้าสาวได้ถูกแร็พเจอร์ไปแล้ว เมื่อเสียงแตรอันที่ 3 ดังขึ้น ก็ถึงเวลาของพยานทั้งสองก็คือวิญญาณของกษัตริย์ดาวิดและกษัตริย์ซาโลมอน ที่จะได้รับการแร็พเจอร์ เหตุการณ์นี้เรียกว่า การแร็พเจอร์ครั้งที่สองของช่วงกลียุค บรรดาคนที่ได้รับความรอดจะเป็นพยานถึงการแร็พเจอร์ครั้งนี้ และจะสารภาพบาปกับพระเจ้าในความบาปที่ตนทำ
SCRIPTURE REFERS to this GROUP of PEOPLE as being the (REMNANT) WEDDING GUESTS. These PEOPLE will RECEIVE the SEAL of the LIVING GOD on their foreheads, as did the TRIBULATION SAINTS. READ Ezekiel, chapter 9 in its entirety. This explains how the MARKING and SEALING of the TRIBULATION SAINTS and the WEDDING GUESTS will take place.
พระคำภีร์ได้กล่าวถึงกลุ่มคนเหล่านี้ว่าเป็นแขกรับเชิญส่วนที่เหลือ คนเหล่านี้จะได้รับตราประทับบนหน้าผากจากพระเจ้า เหมือนกับที่เหล่าธรรมิกชนได้รับ ลองไปอ่านเอเสเคียล บทที่ 9 เกี่ยวกับเรื่องการรับสัญลักษณ์และตราประทับของธรรมิกชนและแขกรับเชิญงานเลี้ยงที่จะเกิดขึ้น
Revelation 11:12 And THEY heard a GREAT VOICE from HEAVEN saying unto THEM, COME UP HITHER. And THEY ASCENDED up to HEAVEN in a cloud; and THEIR enemies beheld THEM.
Revelation 12:13 And the same hour was there a GREAT EARTHQUAKE, and the tenth part of the city fell, and in the earthquake were slain seven thousand: and the REMNANT were AFFRIGHTED, and gave GLORY to the GOD of HEAVEN.
11:11 เมื่อเวลาผ่านไปสามวันครึ่งแล้ว ลมปราณแห่งชีวิตจากพระเจ้าก็เข้าสู่ศพของเขาอีก และเขาก็ลุกขึ้นยืน คนทั้งหลายที่ได้เห็นเขาก็มีความหวาดกลัวเป็นอันมาก
11:12 คนทั้งหลายได้ยินพระสุรเสียงดังมาจากสวรรค์ ตรัสแก่เขาว่า “จงขึ้นมาที่นี่เถิด” และพวกศัตรูก็เห็นเขาขึ้นไปในหมู่เมฆสู่สวรรค์
11:13 และในเวลานั้นก็เกิดแผ่นดินไหวใหญ่ และเมืองนั้นก็ถล่มลงเสียหนึ่งในสิบส่วน มีคนตายเพราะแผ่นดินไหวเจ็ดพันคน และคนที่เหลืออยู่นั้นมีความหวาดกลัวยิ่ง และได้ถวายพระเกียรติแด่พระเจ้าแห่งสวรรค์
Three months after the RAPTURE of the TWO WITNESSES, at the POURING OUT of the FIRST VIAL of the WRATH of GOD, the THIRD RAPTURE will occur. JESUS CHRIST will be SEEN COMING in the CLOUDS for this RAPTURE, and everyone on the Earth will witness this EVENT as it takes place! At this time the ONE HUNDRED and FORTY-FOUR THOUSAND TRIBULATION SAINTS will be taken; as will the three hundred eighty-nine million, six hundred thousand WEDDING GUESTS to the same PLACE the BRIDE was taken to; the SEVENTH PARALLEL DIMENSION, called the LOVE DIMENSION!
สามเดือนหลังจากพยานทั้งสองได้ถูกรับขึ้นไปแล้ว เมื่อมีการเทพระพิโรธของพระเจ้าลงมาครั้งแรก การแร็พเจอร์ครั้งที่ 3 ก็จะเกิดขึ้น พระเยซูจะเสด็จกลับมาบนเมฆเพื่อการแร็พเจอร์ และทุกคนบนโลกนี้จะเป็นพยานถึงเหตุการณ์ในครั้งนี้พร้อมกันในเวลาเดียวกัน ธรรมิกชนจำนวน 144,000 คนจะถูกรับขึ้นไปพร้อมกับแขกรับเชิญงานเลี้ยงจำนวน 389,600,000 คนจะถูกรับไปยังสถานที่เดียวกันกับที่เจ้าสาวถูกรับไปอยู่ก่อนหน้านี้ ซึ่งก็คือ มิติที่เจ็ด หรือเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า มิติแห่งรัก
12:14 แต่ทรงประทานปีกนกอินทรีใหญ่สองปีกแก่หญิงนั้น เพื่อให้นางบินหนีหน้างูเข้าไปในถิ่นทุรกันดารในสถานที่ของนาง จนถึงที่ซึ่งนางจะได้รับการเลี้ยงดู ตลอดวาระหนึ่งและสองวาระและครึ่งวาระ
Those who will be left behind, the non-believers of the RAPTURE, will realize at that time they had been LIED to by their Churches, and that their only option now will be in their REFUSING to take the "Mark of the Beast". SCRIPTURE calls this group the "BEHEADED SOULS". By their MARTYRING themselves in the NAME of GOD, and for the TESTIMONY of JESUS CHRIST, this group may enter into the NEW MILLENNIUM for the ONE THOUSAND YEAR PERIOD.
สำหรับคนที่ถูกละทิ้งไว้คือกลุ่มคนที่ไม่เชื่อเรื่องการแร็พเจอร์ พวกเขาจะสำนึกได้ในเวลานั้นว่าพวกเขาถูกโกหกหลอกลวงมาตลอดโดยคริสตจักร และโอกาสสุดท้ายที่เหลืออยู่ของพวกเขาคือจะต้องปฏิเสธการรับสัญลักษณ์มารเท่านั้น พระวจนะได้เรียกกลุ่มคนที่ปฏิเสธสัญลักษณ์มารนี้ว่า “วิญญาณผู้ถูกตัดศีรษะ” (Beheaded souls) ด้วยการสละชีวิต (ถูกตัดหัว) ในพระนามของพระเจ้า และเป็นพยานถึงพระเยซูคริสต์ คนกลุ่มนี้อาจจะได้รับเข้าสู่ยุคพันปีและมีชีวิตอาศัยอยู่ในนั้นเป็นเวลา 1,000 ปี
The MARTYRS however DO NOT receive ETERNITY, and will be given an opportunity to become a WEDDING GUEST in the next EARTH CYCLE. In addition to an opportunity in being a WEDDING GUEST, they are also PROMISED, because of their martyring themselves, they will never be made to SUFFER the SECOND DEATH. This means they will never be made to go to HELL!
อย่างไรก็ตาม ถึงพวกเขาจะถูกตัดหัวเพื่อความเชื่อก็ไม่ได้หมายความว่าจะได้รับชีวิตนิรันดร์ แต่จะได้รับสิทธิที่จะกลายเป็นแขกรับเชิญงานแต่ง ในโลกยุคหน้า นอกจากจะมีโอกาสที่จะได้กลายเป็นแขกรับเชิญงานแต่งแล้ว พวกเขายังได้รับสัญญาว่าจะไม่ต้องทนทุกข์ทรมานกับการตายครั้งที่สองอีก เนื่องจากพวกเขาได้สละชีวิตของตัวเองเพื่อพระคริสต์ไปแล้ว สิ่งนี้หมายความว่าพวกเขาจะไม่ต้องถูกส่งไปยังนรกนั่นเอง
20:4 ข้าพเจ้าได้เห็นบัลลังก์หลายบัลลังก์ และผู้ที่นั่งบนบัลลังก์นั้น ทรงมอบให้เป็นผู้ที่จะพิพากษา และข้าพเจ้ายังได้เห็นดวงวิญญาณของคนทั้งปวงที่ถูกตัดศีรษะ เพราะเป็นพยานของพระเยซู และเพราะพระวจนะของพระเจ้า และเป็นผู้ที่ไม่ได้บูชาสัตว์ร้ายนั้นหรือรูปของมัน และไม่ได้รับเครื่องหมายของมันไว้ที่หน้าผากหรือที่มือของเขา คนเหล่านั้นกลับมีชีวิตขึ้นมาใหม่ และได้ครอบครองร่วมกับพระคริสต์เป็นเวลาพันปี
The "BEHEADED SOULS" represent approximately two billion people, one third of the Earth's population. The two billion die over the last twenty-one months of the GREAT TRIBULATION. SCRIPTURE refers to this group as the ONE- THIRD that is taken through the FIRE and purified like silver. Thus making them acceptable to be called, GOD'S PEOPLE.
“วิญญาณผู้ถูกตัดศีรษะ” มีจำนวนประมาณ 2,000 ล้านคน หรือประมาณ 1 ใน 3 ของจำนวนประชากรโลก ก็คือคนจำนวน 2,000 ล้านคนที่เสียชีวิตในช่วง 21 เดือนระหว่างกลียุคนั่นเอง พระคำภีร์ได้กล่าวถึงคนกลุ่มนี้ว่าเป็น 1 ใน 3 ส่วนที่ถูกนำเข้าเผาไฟและถูกถลุงเหมือนถลุงเงิน เพื่อให้คู่ควรกับการยอมรับว่าเป็นประชากรของพระเจ้า
13:9 เราจะเอาหนึ่งในสามนี้ใส่ในไฟและถลุงเขาเหมือนถลุงเงิน และลองดูเขาเหมือนทดลองทองคำ เขาจะร้องทูลออกนามของเราและเราจะฟังเขา เราจะกล่าวว่า ‘เขาทั้งหลายเป็นชนชาติของเรา’ และเขาจะกล่าวว่า ‘พระเยโฮวาห์คือพระเจ้าของข้าพเจ้า’
THE FINAL TRIBULATION RAPTURE
การแร็พเจอร์ธรรมิกชนครั้งสุดท้าย
The FOURTH and FINAL TRIBULATION RAPTURE will happen at the first SOUNDING of the SEVENTH TRUMPET. The SEVENTH TRUMPET sounds twice; once at the conclusion of the GREAT TRIBULATION, and again at the CONCLUSION of the LAST DAY; thus marking the END of the MILLENNIUM, the PASSING of JUDGMENT, and the END of the WORLD!
การแร็พเจอร์ครั้งที่ 4 หรือครั้งสุดท้าย คือการแร็พเจอร์ธรรมิกชน ซึ่งจะเกิดขึ้นหลังจากได้ยินเสียงแตรครั้งแรกของแตรอันที่ 7 แตรอันที่ 7 นี้มีการเป่าสองครั้ง ครั้งหนึ่งคือเม่ือกลียุคสิ้นสุดลง และอีกครั้งเมื่อวันสุดท้ายสิ้นสุดลง ซึ่งเรียกได้ว่าเป็นการสิ้นสุดของยุคพันปี คือเมื่อการพิพากษาสิ้นสุดลง และวันสิ้นโลก
The FINAL TRIBULATION RAPTURE, occurring at the first SOUNDING of the SEVENTH TRUMPET, is both a VERTICAL and TRANSFIGURATION RAPTURE. The FOUR plus BILLION PEOPLE that are in PARADISE and ASLEEP in the EARTH are ARISEN from the EARTH and TRANSFIGURED into their MILLENNIA BODIES as are the BEHEADED SOULS.
การแร็พเจอร์ธรรมิกชนครั้งสุดท้าย เกิดขึ้นเมื่อเสียงแรกของแตรอันที่เจ็ดดังขึ้น เป็นการแร็พเจอร์แบบแนวตั้ง (คือรับขึ้นไปบนฟ้า) และแบบเปลี่ยนรูป คนจำนวนมากกว่า 4,000 ล้านคนในสวรรค์และที่ล่วงหลับไปแล้วบนโลกจะตื่นขึ้นและถูกเปลี่ยนรูปกายใหม่เป็นรูปกายของยุคพันปี เหมือนกับพวกวิญญาณผู้ถูกตัดศีรษะ
ALL three groups, them from PARADISE, the BEHEADED SOULS, and them in the SEVENTH DIMENSION are TRANSFIGURED into their NEW PHYSICAL FORM (MILLENNIUM BODIES) and TAKEN into NEW JERUSALEM that has been brought down by GOD from HEAVEN. It is there where they will REMAIN throughout the ONE THOUSAND YEARS, living in PEACE and HARMONY with GOD and the LAMB in NEW JERUSALEM.
ประชากรทั้งสามกลุ่ม คือกลุ่มที่มาจากสวรรค์, วิญญาณผู้ถูกตัดศีรษะ, และกลุ่มที่ถูกรับไปเก็บไว้ที่มิติที่ 7 จะถูกเปลี่ยนรูปกายเป็นกายใหม่ (รูปกายของยุคพันปี) และนำเข้าสู่นครเยรูซาเล็มใหม่ซึ่งถูกนำลงมาจากสวรรค์โดยพระเจ้า มันจะตั้งอยู่ที่นั่นเป็นเวลา 1 พันปี ประชากรอาศัยอยู่อย่างสงบสุขและสามัคคีร่วมกันกับพระเจ้าและพระเยซูคริสต์ในนครเยรูซาเล็มใหม่
In SUMMARY: The EVENT WE call RAPTURE occurs throughout the SCRIPTURES of the HOLY BIBLE, and although the word, "rapture", does not appear in the HOLY BIBLE, the PHENOMENON does. Even the Disciple Paul with all of his problems UNDERSTOOD this.
สรุป : เหตุการณ์ที่เราเรียกว่า แร็พเจอร์ เกิดขึ้นตลอดเรื่องราวในพระคำภีร์และแม้ว่าคำว่า “แร็พเจอร์” จะไม่ปรากฏอยู่ในพระคำภีร์ แต่ปรากฏการณ์เหล่านั้นปรากฏขึ้นจริง แม้แต่สาวกเปาโลที่เผชิญปัญหาในชีวิตมากมายก็ยังเข้าใจมันดี
15:52 ในชั่วขณะเดียว ในพริบตาเดียว เมื่อเป่าแตรครั้งสุดท้าย เพราะว่าจะมีเสียงแตร และคนที่ตายแล้วจะเป็นขึ้นมาปราศจากเปื่อยเน่า แล้วเราทั้งหลายจะถูกเปลี่ยนแปลงใหม่