THE ROD of IRON
คฑาเหล็ก
Chapter 13 PURPOSE (SOUL)
บทที่ 13 จุดประสงค์(ดวงวิญญาณ)
Each and every SOUL GIVEN has a PURPOSE to serve both on EARTH and in HEAVEN. When the SOUL is taken back into CHRIST, no longer having a SPIRIT with it, that PURPOSE of the SOUL had not been fulfilled.
ดวงวิญญาณ (SOUL) แต่ละดวงและทุกดวงที่ทรงประทานมีวัตถุประสงค์เพื่อรับใช้ทั้งบนแผ่นดินโลกและบนสวรรค์ เมื่อดวงวิญญาณถูกนำกลับสู่พระคริสต์แต่ไม่มีจิตวิญญาณ (SPIRIT) อยู่ด้วยแล้ว หมายความว่า SOUL นั้นทำหน้าที่ไม่สำเร็จ
GOD'S PURPOSE for that SOUL WILL BE SERVED, and even though the previous Spirit of the SOUL misused the GOD GIVEN SOUL, that SAME SOUL will be given to a NEW SPIRIT to FULFILL its PURPOSE in GOD.
จุดประสงค์ของดวงวิญญาณคือการทำพระประสงค์ของพระเจ้าให้สำเร็จ แต่หากแม้ว่าจิตวิญญาณของดวงวิญญาณก่อนหน้านั้นจะไม่ได้ทำตามพระประสงค์ที่พระเจ้ามอบให้ ดวงวิญญาณนั้นจะถูกมอบจิตวิญญาณดวงใหม่ให้เพื่อทำให้พระประสงค์ของพระเจ้าสำเร็จ
Purpose on Earth
จุดประสงค์เมื่ออยู่บนโลก
Every SOUL has a different PURPOSE to SERVE both on EARTH and in HEAVEN. On Earth it may include a variety of things or simply one single thing to do during LIFE, and this is why a person cannot tell another what they should be doing to PROPERLY SERVE THE LORD.
ทุกดวงวิญญาณมีวัตถุประสงค์เพื่อรับใช้ทั้งบนโลกและในสวรรค์ บนโลกนี้อาจจะรวมถึงสิ่งธรรมดาหลากหลายอย่าง หรือจะเป็นแค่สิ่งเดียวที่ให้ทำทั้งชีวิตขณะอยู่บนโลก นี่เองจึงเป็นเหตุผลที่ว่าไม่มีใครที่สามารถบอกคนอื่นได้หรอกว่าการรับใช้พระเจ้าที่ถูกต้องควรทำอะไร (เพราะแต่ละคนถูกเรียกให้ทำในสิ่งที่แตกต่างกัน)
That DIRECTION can only come AFTER BAPTISM from ABOVE, so therefor any SOUL who had a GOOD PURPOSE to serve, and had not RECEIVED BAPTISM, could not have FULFILLED their PURPOSE on Earth.
การทรงนำนั้นจะเกิดขึ้นหลังจากที่ได้รับบัพติสมาจากเบื้องบนเท่านั้น ดังนั้น ดวงวิญญาณที่มีความตั้งใจดีในการรับใช้แต่ยังไม่ได้รับบัพติสมาก็ไม่สามารถทำให้การทรงเรียกบนโลกนี้สำเร็จได้
However, not all SOULS are BLESSED as some people having SOULS are of the SEED of the Devil.
แต่อย่างไรก็ตาม ไม่ใช่ทุกดวงวิญญาณจะเป็นดวงวิญญาณที่ได้รับการอวยพร คนบางคนนั้นมีดวงวิญญาณที่เป็นเมล็ดพันธุ์ของมารซาตาน
A good example of this, was Judas Iscariot; whose PURPOSE was to BETRAY JESUS CHRIST. Therefor it can be said, that those SOULS sent to the Earth to FULFILL an EVIL PURPOSE, will NEVER RECEIVE BAPTISM and are TAKEN from those individuals at the time of their 1st DEATH (Death of the FLESH). They too are RETURNED to CHRIST, THE KEEPER OF SOULS!
ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดเจนคือ ยูดาส อิสคาริโอท ผู้ที่จุดประสงค์ของเขาคือการทรยศพระเยซูคริสต์ หรืออาจจะกล่าวได้ว่า ดวงวิญญาณนั้นถูกส่งมาสู่โลกเพื่อทำให้จุดประสงค์ของมารสำเร็จ ดวงวิญญาณเหล่านี้จะไม่ได้รับการบัพติสมา และจะถูกนำไปจากเขาเมื่อถึงเวลาของการตายครั้งที่หนึ่ง (คือการตายฝ่ายเนื้อหนัง) ดวงวิญญาณเหล่านี้จะถูกนำกลับคืนสู่พระคริสต์ ผู้ซึ่งเป็นผู้เก็บรักษาดวงวิญญาณ
These are the SOULS of the DAMNED, all being of the SEED of Lucifer, the Devil. These SOULS do not have a PURPOSE to SERVE in HEAVEN, and will return to the Earth during the NEXT SEVEN THOUSAND-YEAR CYCLE to do as they had DONE BEFORE. Like the Father of their SOUL, the Devil, they TOO ARE BOUND to the Earth throughout ETERNITY and only serve a purpose while on the Earth.
ดวงวิญญาณเหล่านี้คือดวงวิญญาณที่ได้รับคำแช่งสาป เป็นเมล็ดพันธุ์แห่งมารลูซิเฟอร์ ดวงวิญญาณเหล่านี้ไม่มีจุดประสงค์เพื่อรับใช้บนสวรรค์ และจะกลับสู่โลกในรอบ 7,000 ปีถัดไปและทำอย่างที่เคยทำมาก่อน มารซาตานก็เหมือนกับเป็นบิดาแห่งดวงวิญญาณเหล่านั้นพวกมันถูกผูกมัดไว้กับโลกนี้ตลอดนิรันดร์และสามารถทำหน้าที่ให้สำเร็จตามจุดประสงค์ขณะที่อยู่บนโลกนี้เท่านั้น
John 17:12 WHILE I WAS WITH THEM IN THE WORLD, I KEPT THEM IN THY NAME: THOSE THAT THOU GAVEST ME I HAVE KEPT, AND NONE OF THEM IS LOST, BUT THE SON OF PERDITION; THAT THE SCRIPTURE MIGHT BE FULFILLED. '
ยอห์น 17:12 เมื่อข้าพระองค์ยังอยู่กับคนเหล่านั้นในโลกนี้ ข้าพระองค์ก็ได้พิทักษ์รักษาพวกเขาไว้โดยพระนามของพระองค์ ผู้ซึ่งพระองค์ได้ประทานแก่ข้าพระองค์ ข้าพระองค์ได้ปกป้องเขาไว้และไม่มีผู้หนึ่งผู้ใดเสียไป นอกจากลูกของความพินาศ เพื่อพระคัมภีร์จะสำเร็จ
The "Son of Perdition" referred to in the Scripture refers to Judas Iscariot, and the Scripture that needed to be fulfilled was Zechariah 13:6.
“บุตรของความความพินาศ" ที่พระคัมภีร์กล่าวถึงนั้นหมายถึง ยูดาส อิสคาริโอท และข้อพระคัมภีร์ที่บอกว่าจะสำเร็จคือพระธรรม เศคาริยาห์ 13:6
Zechariah 13:6 And one shall say unto HIM, What are these WOUNDS in thine HANDS? Then HE shall answer, THOSE WITH WHICH I WAS WOUNDED IN THE HOUSE OF MY FRIENDS.
เศคาริยาห์ 13:6 และถ้าผู้ใดจะถามเขาว่า `ทำไมท่านมีแผลในมือทั้งสอง' เขาจะตอบว่า `ข้าพเจ้าได้แผลนั้นในเรือนของพวกเพื่อนของข้าพเจ้า'"
The SOUL’S FUNCTION
หน้าที่ของดวงวิญญาณ
Whereas the SPIRIT portrays the PERSONALITY of the LIFE FORM, the SOUL EVALUATES the QUALITY of the SPIRIT'S PERSONALITY. The SPIRIT determines all CONSCIOUS ACTIONS taken, while each of those actions is EVALUATED by the SOUL to determine the RIGHTEOUSNESS of the ACTIONS.
จิตวิญญาณสะท้อนความเป็นตัวตนของชีวิตฉันใด ดวงวิญญาณก็สะท้อนคุณภาพของความเป็นตัวตนของจิตวิญญาณด้วยฉันนั้น จิตวิญญาณเป็นตัวกำหนดพฤติกรรม (การกระทำที่ผ่านความรู้สึกนึกคิด) โดยแต่ละการกระทำนั้นจะถูกประเมิณค่าโดยดวงวิญญาณเพื่อวัดความชอบธรรมของการกระทำนั้นๆ
The SOUL also DETERMINES what the PERSON (the SPIRIT) of the SOUL should like or dislike. This is TRUE for any of the FEELINGS that result from an ENCOUNTER or actions experienced by the SPIRIT.
ดวงวิญญาณยังเป็นตัวกำหนดว่าบุคคล (จิตวิญญาณ) ของดวงวิญญาณนั้นควรจะชอบหรือไม่ชอบอะไร นี่คือความจริงภายใต้ทุกๆความรู้สึกที่มีผลมาจากการเผชิญสถานการณ์โดยบังเอิญหรือการกระทำที่เป็นประสบการณ์ทางจิตวิญญาณ
ALL FEELINGS are an EXPRESSION of the SOUL, whether the FEELINGS are GOOD ones or BAD ones. These FEELINGS being expressed by EMOTION can be in a SINGULAR form of EMOTION or in MULTIPLE forms of EMOTIONS resulting from the same experience.
ความรู้สึกทั้งหมดเป็นการแสดงออกของดวงวิญญาณ ไม่ว่าจะเป็นความรู้สึกที่ดีหรือแย่ ความรู้สึกเหล่านี้ถูกแสดงออกมาผ่าน “อารมณ์ความรู้สึก” ซึ่งสามารถมาในรูปแบบของอารมณ์เดียวหรือหลากหลายอารมณ์พร้อมกันซึ่งเป็นอารมณ์ที่มาจากเหตุการณ์เดียว
For example, if ONE were to experience a DIVORCE, the FEELING towards the other partner could take on MULTIPLE FORMS of EMOTION being initiated by the SINGLE EXPERIENCE. It might start first with a feeling of REJECTION, thus causing SORROW, and then evolve into a more serious form of JEALOUSY influenced by ANGER and then into HATRED.
ยกตัวอย่างเช่น หากมีใครกำลังจะต้องหย่าร้าง ความรู้สึกที่มีต่อคู่สมรสนั้นสามารถเป็นได้หลากหลายรูปแบบโดยเป็นผลมาจากเหตุการณ์เพียงเหตุการณ์เดียว มันอาจจะเริ่มด้วยความรู้สึกปฎิเสธไม่ยอมรับ จากนั้นเป็นความเศร้าเสียใจ และจากนั้นก็เปลี่ยนเป็นความหึงหวงอิจฉาริษยาซึ่งได้รับอิทธิพลมาจากความโกรธและนำเข้าสู่ความเกลียดชัง
Unlike the exchange between the SUBCONSCIOUS and the CONSCIOUS MINDS, the feedback from the SOUL to the SPIRIT, is INSTANTANEOUS, and a REAL-TIME EVENT. This type of EVENT can be REALIZED when one personality says something NEGATIVE in regard to another PERSONALITY'S behavior.
ไม่เหมือนกับการแลกเปลี่ยนระหว่างจิตใต้สำนึกและจิตสำนึก ปฏิกริยาจากดวงวิญญาณต่อจิตวิญญาณนั้นเป็นอะไรที่เกิดขึ้นทันทีทันใดและเกิดขึ้นขณะนั้นๆทันที เหตุการณ์เช่นนี้จะจำได้เมื่อคนนั้นพูดบางอย่างแง่ลบเกี่ยวกับพฤติกรรมของคนอื่น
The FEELING of DISAPPROVAL sent forth from the SOUL of the RECIPIENT is IMMEDIATE, and does not require any CONSCIOUS THOUGHT whatsoever to FEEL REJECTED. As the WORDS are being spoken the FEELINGS caused by the WORDS will be INSTANTANEOUS requiring no thought.
ความรู้สึกของการไม่เห็นด้วยถูกส่งมาทันทีจากดวงวิญญาณของผู้รับ และไม่จำเป็นต้องใช้จิตสำนึกคิดในอะไรก็ตามที่ถูกปฏิเสธ ทันทีที่มีการพูดบางอย่างออกมาความรู้สึกที่เกิดขึ้นจากคำเหล่านั้นจะเกิดขึ้นทันทีโดยไม่ต้องผ่านความคิด
In a world having both GOOD and EVIL, EMOTION can be misconstrued as being a hindrance, however the REALITY of EMOTION is also the NECESSARY INGREDIENT for the LIFE FORM to ASCEND above the EARTH PLANE and achieve ABSOLUTE CONSCIOUSNESS. This is why the SOUL is CONSIDERED to be the ESSENCE of LIFE, because without it, ETERNAL LIFE cannot be EXPERIENCED!
ในโลกนี้มีทั้งความดีและความชั่ว ความรู้สึกสามารถถูกทำให้เข้าใจผิดได้โดยการถูกขัดขวาง อย่างไรก็ตามอารมณ์ที่แท้จริงนั้นเป็นส่วนผสมที่สำคัญของชีวิตในการเคลื่อนขึ้น (Ascend) จากระนาบของโลก (Earch Plane) เพื่อเข้าสู่สภาพตระหนักรู้นิรันดร์ (Absolute Consciousness) นี่เองเป็เหตุที่ว่าทำไมดวงวิญญาณจึงถูกถือว่าเป็นแก่นแท้ของชีวิต เพราะว่าหากปราศจากมันแล้วจะไม่มีทางได้สัมผัสคำว่า ชีวิตนิรันดร์ ได้เลย
The SOULLESS can only experience PHYSICAL LIFE and not SPIRITUAL AFTERLIFE, and their BLESSING is to return to the DUST of the EARTH. HOWEVER, the SOULLESS can experience ETERNAL DAMNATION when the PHYSICAL LIFE EXHIBITS an UNACCEPTABLE BEHAVIOR!
ผู้ที่ไม่มีดวงวิญญาณสามารถมีประสบการณ์ทางด้านร่างกายและจะไม่มีประสบการณ์ในฝ่ายวิญญาณ และพระพรของเขาเหล่านั้นจะกลับคืนสู่ผงธุลีแห่งโลก อย่างไรก็ตามผู้ที่ไม่มีดวงวิญญาณสามารถมีประสบการณ์การถูกแช่งสาปนิรันดร์เมื่อชีวิตฝ่ายร่างกายฝ่ายเนื้อหนังได้ทำบาปที่ไม่สามารถให้อภัยได้
So therefor it can be said, that with the GIFT of LIFE GIVEN by GOD in any FORM, that LIFE FORM WILL be held responsible for its ACTIONS, SAITH THE LORD!
ดังนั้นอาจกล่าวได้ว่า ไม่ว่าของประทานแห่งชีวิตจากพระเจ้าจะมาในรูปแบบใดก็ตาม ทุกชีวิตฝ่ายกายภาพจะต้องรับผิดชอบต่อทุกการกระทำของเขา พระเจ้าตรัสดังนี้แหละ
PURPOSE in HEAVEN
จุดประสงค์ในสวรรค์
The MAN with a SOUL has both a "PURPOSE" to serve in a CARNAL life and ONE to SERVE in a SPIRITUAL LIFE. After ASCENSION of the SPIRIT bearing the SOUL comes to pass and ABSOLUTE CONSCIOUSNESS is achieved, that PERSON then has a PREDETERMINED RESPONSIBILITY for their SERVICE to GOD throughout ETERNITY.
มนุษย์ที่มีดวงวิญญาณจะมีจุดประสงค์เพื่อรับใช้ทั้งในชีวิตฝ่ายร่างกายและชีวิตฝ่ายวิญญาณ หลังจากที่จิตวิญญาณที่มีดวงวิญญาณได้เข้าสู่การตระหนักรู้อย่างสมบูรณ์ ผู้นั้นจะมีความรับผิดชอบที่ถูกกำหนดไว้เพื่อรับใช้พระเจ้าตลอดนิรันดร์
As it is in the CARNAL life these responsibilities vary amongst the SPIRITUAL LIFE FORMS. GOD has GIVEN each SPIRITUAL PERSON a very SPECIFIC SKILL to be UTILIZED in HEAVEN. The SPECIFIC DUTY given to the SPIRITUAL PERSON will be for that PERSON, the PERFECT JOB; and they WILL EMULATE that JOB to EXCELLENCE in their PERFORMANCE of it !
เมื่ออยู่ในกายฝ่ายเนื้อหนังความรับผิดชอบนี้จะแตกต่างกันไปแล้วแต่ชีวิตในฝ่ายวิญญาณของแต่ละคน พระเจ้าได้ให้ความเชี่ยวชาญที่เฉพาะเจาะจงแก่แต่ละจิตวิญญาณเพื่อเป็นประโยชน์เมื่ออยู่ในสวรรค์ หน้าที่ที่เจาะจงที่มอบให้แต่ละจิตวิญญาณนั้นจะเป็นหน้าที่สำหรับเขาผู้นั้นโดยเฉพาะ เป็นงานที่ยอดเยี่ยม และพวกเขาจะพยายามฝึกฝนหน้าที่นั้นเพื่อให้มีความชำนาญเป็นเลิศในหน้าที่มากขึ้น
Some will be MASTER CRAFTSMEN and some will be MUSICIANS, some will be SINGERS and some DANCERS; some will aid in CREATION; some will be SPOKESPERSONS, and some will be GARDENERS and CARETAKERS. Some will be SCULPTORS, ARTISTS, AUTHORS, POETS, CHEFS and COOKS; BOATSMEN, ENTERTAINERS, FARMERS, VINTNERS, and some will be OVERSEERS of ANIMAL LIFE. Every ACCEPTABLE job function performed here on Earth will be PERFORMED in HEAVEN, along with many other JOB FUNCTIONS that are above a carnal, UNDERSTANDING.
บางคนจะเป็นช่างฝีมือ บางคนเป็นนักดนตรี บางคนเป็นนักร้อง และบางคนร่ายรำ บางคนจะคอยช่วยงานการทรงสร้าง บางคนเป็นนักพูด และบางคนเป็นคนดูแลและทำงานสวน บางคนเป็นนักปั้น ศิลปิน นักประพันธ์ นักกวี หัวหน้าพ่อครัว และคนทำอาหาร นักพายเรือ นักแสดง ชาวสวน นักทำไวน์ และบางคนเป็นผู้สังเกตุการณ์ดูแลสัตว์ ทุกๆงานที่เกิดขึ้นบนโลกก็เกิดขึ้นในสวรรค์เช่นเดียวกัน รวมไปถึงหน้าที่อื่นๆที่เกินฝ่ายเนื้อหนังจะเข้าใจได้
Earth is the similitude to what HEAVEN was like prior to the FALL of Lucifer, having both GOOD and EVIL in it. But after the REVOLT by Lucifer in HEAVEN, HEAVEN then took on many CHANGES for the BETTER of IT, and many of the previous things in HEAVEN that were found to be GOOD by GOD, STILL REMAIN!
โลกเป็นเหมือนแบบจำลองของสวรรค์ก่อนหน้าที่ลูซิเฟอร์จะร่วงหล่น คือมีทั้งความดีและความชั่วร้าย แต่หลังจากการปฏิวัติของลูซิเฟอร์ในสวรรค์ สวรรค์ก็ได้เปลี่ยนแปลงไปหลายอย่างในทางที่ดีขึ้น และมีหลายอย่างที่พระเจ้าเห็นว่าดีก็ยังคงอยู่
EGO, the STUMBLING BLOCK
การถือตัวเองเป็นที่ตั้งคือหินสะดุด
The English Dictionary defines EGO: as the division of the psyche in psychoanalytic theory that serves as the MEDIATOR between the PERSON and REALITY. However, what the EGO really provides for; is the CREATION of a BARRIER between TRUTH and ACCEPTABILITY! An EGO acts much like a SHIELD against those things the person of the EGO refuses to believe in, whether or not those things bear the TRUTH.
พจนานุกรมภาษาอังกฤษได้นิยามคำว่า EGO นี้ไว้ว่าเป็นส่วนหนึ่งของจิตภายใต้ทฤษฎีจิตวิเคราะห์ซึ่งทำหน้าที่เป็นตัวกลางระหว่างบุคคลนั้นและความเป็นจริง อย่างไรก็ตามสิ่งที่ได้จาก EGO นั้นก็คือการสร้างเกราะป้องกันระหว่างความจริงและความสามารถในการยอมรับ EGO ทำหน้าที่เป็นเหมือนเกราะป้องกันสิ่งที่ผู้ที่มี EGO นั้นปฎิเสธที่จะเชื่อไม่ว่าสิ่งนั้นจะเป็นความจริงก็ตาม
What this means; is EGO blocks the COMMUNICATION between the SOUL and the SPIRIT, when the SPIRIT wants to believe something other than the TRUTH. EGO starts at birth and continually grows as the CHILD develops and has further CONTACT outside of themselves; thus seeking the TRUTH from others. EGO will eventually cause the person of the EGO to believe by DECEPTION, that they are in control of all matters concerning themselves, and that EMOTION is not necessary to evaluate themselves.
สิ่งนี้หมายความว่า EGO คือตัวกลางขวางกั้นการสื่อสารระหว่างดวงวิญญาณและจิตวิญญาณ เมื่อจิตวิญญาณต้องการที่จะเชื่อบางอย่างที่ไม่เป็นความจริง เมื่อนั้น EGO จะถือกำเนิดขึ้นและเจริญเติบโตเหมือนเด็กๆที่มีพัฒนาการและมีความสัมพันธ์กับสิ่งอื่นๆมากขึ้น นั่นคือการแสวงหาความจริงจากผู้อื่น EGO จะเป็นเหตุให้บุคคลนั้นถูกล่อลวงและเชื่อว่าพวกเขายังคงควบคุมทุกสิ่งได้ ซึ่งสิ่งนี้ปราศจากอารมณ์ความรู้สึกเป็นส่วนสำคัญในการตัดสินใจ
However this BELIEF is a FALSITY, because the COMMUNICATION between the SPIRIT and the SOUL has been CUT OFF and ALL EMOTIONS produced by the SOUL are then HIDDEN within the person.
อย่างไรก็ดี ความเชื่อแบบนี้นั้นไม่ถูกต้อง เพราะว่าการสื่อสารระหว่างจิตวิญญาณและดวงวิญญาณได้ถูกตัดทิ้งไปและความรู้สึกทั้งหมดที่ถูกสร้างขึ้นโดยดวงวิญญาณนั้นถูกบดบังอยู่ภายใต้บุคคลนั้น
This lack of EMOTION causes a BARRIER to form ISOLATING the REAL PERSON from their own REALITY, by their believing they are PRESERVING their own INDIVIDUALITY with their EGO.
การขาดอารมณ์ความรู้สึกเป็นเหตุให้กำแพงที่ก่อตัวขึ้นนั้นกั้นตัวตนที่แท้จริงของบุคคลนั้นออกจากความเป็นจริง โดยความเชื่อของพวกเขาพวกเขากำลังก่อสร้างความเป็นเอกเทศด้วย EGO
For the SOULLESS person this WORLDLY belief may satisfy their needs for existence, because they are GOVERNED by TIME in the EARTH PLANE, and Partial TRUTH or RELATIVE TRUTH can move them through their TEMPORARY LIFE.
สำหรับคนที่ไม่มีดวงวิญญาณความเชื่อของโลกนี้อาจเติมเต็มพวกเขาแล้วในการดำรงอยู่เพราะพวกเขาถูกปกครองอยู่ภายใต้มิติแห่งเวลาในระนาบของโลกซึ่งความจริงบางส่วนหรือความจริงที่มีส่วนสำคัญนั้นสามารถขับเคลื่อนพวกเขาให้ดำเนินชีวิตผ่านช่วงชีวิตอันชั่วคราวนี้ได้
However, for them having GOD GIVEN SOULS, this is a STUMBLING BLOCK produced by the Devil, for ABSOLUTE TRUTH is necessary to ACHIEVE ABSOLUTE CONSCIOUSNESS.
แต่อย่างไรก็ดี สำหรับผู้ที่พระเจ้าได้ประทานดวงวิญญาณให้ สิ่งนี้ถือเป็นหินสะดุดซึ่งเกิดขึ้นจากมารซาตาน เพราะว่าความจริงที่สมบูรณ์นั้นจำเป็นในการเข้าสู่การตระหนักรู้อย่างสมบูรณ์ (Absolute Consciousness)
(เสริมจากผู้แปลคนแรก : หากจิตใต้สำนึกภายในดวงวิญญาณรับรู้ แบ่งแยกออกมาว่า อันไหนเป็นความจริงแท้ เป็นน้ำพระทัยของพระเจ้าซึ่งเราเห็นด้วย อันไหนเป็นสิ่งหลอกลวงจากซาตานทำผ่าน ซึ่ง เราต้องปฏิเสธ)
PRIDE is a PRODUCT of EGO, and PRIDE is VANITY! The Book of Ecclesiastes speaks to the MATTER of EGO and WARNS against it through its ENTIRETY. And, also in the Book of Job, the Devil (Lucifer) is referred to as the King over the children of PRIDE, and this is how the Devil Rules, by using one's PRIDE to BLOCK the TRUTH.
ความหยิ่งเป็นผลผลิตหนึ่งของ EGO และความหยิ่งก็คือความยะโส ซึ่งพระธรรมปัญญาจารย์ได้พูดถึง EGO และได้เตือนเกี่ยวกับเรื่องนี้ตลอดทั้งเล่ม และยังมีปรากฎในพระธรรมโยบด้วยเมื่อลูซิเฟอร์ ได้อ้างตัวว่าเป็นกษัตริย์เหนือบุตรแห่งความเย่อหยิ่ง และนั่นแหละคือรูปแบบการปกครองของมาร คือการใช้ความหยิ่งยะโสของคนเป็นตัวกั้นพวกเขาออกจากความจริง
Job 41:33 Upon Earth there is not his like, who is made without FEAR.
โยบ 41:33 บนแผ่นดินโลก ไม่มีอะไรเหมือนมัน เป็นสิ่งที่ถูกสร้างไม่ให้รู้จักความกลัว
Job 41:34 He beholdeth all things: he is King over all the children of PRIDE.
โยบ 41:34 มันเห็นทุกสิ่งที่อยู่สูง มันเป็นกษัตริย์เหนือบรรดาสัตว์ที่สง่า”
The entire 41st Chapter of Job speaks of the great power given to the Devil, and how only by the HELP of GOD, can the Devil be defeated. If one had an EGO, they look to themselves (their conscious minds) for the ANSWERS, rather than to their GOD GIVEN SOULS for the TRUTH.
บทที่ 41 ทั้งบทของพระธรรมโยบได้พูดถึงพลังอำนาจที่ยิ่งใหญ่ที่ได้มอบไว้ให้แก่ลูซิเฟอร์และเพียงแค่ความช่วยเหลือของพระเจ้าเท่านั้นจะสามารถมีชัยชนะเหนือมันได้ คนที่มี EGO จะมองที่ตัวเอง (จิตใต้สำนึก) จะถามหาความจริงจากตัวเอง แทนที่จะถามดวงวิญญาณที่พระเจ้ามอบให้
The CLEANSING of the SPIRIT by BAPTISM, is the ONLY way an EGO can be removed! Once the EGO has been removed, the BAPTIZED SPIRIT will start to see this world for what it is, a DECEPTION and a VEXATION the SPIRIT; for it is ALL VANITY.
การทำความสะอาดจิตวิญญาณโดยการบัพติสมาเป็นเพียงหนทางเดียวที่จะกำจัด EGO ออกไปจากชีวิตได้ และทันทีที่ EGO ถูกกำจัดออกไปแล้ว จิตวิญญาณที่ได้รับบัพติสมาจะเริ่มต้นมองเห็นโลกนี้ตามความเป็นจริงอย่างที่มันเป็น การหลอกหลวง/การบังตาและความคลุมเครือของจิตวิญญาณเป็นเพราะความหยิ่งทั้งหมด
Ecclesiastes 2:17 Therefore I hated LIFE; because the work that is wrought under the sun is grievous unto me: for ALL IS VANITY and VEXATION of SPIRIT.
ปัญญาจารย์ 2:17 ข้าพเจ้าจึงเกลียดชีวิต เพราะว่าการงานที่เขาทำกันภายใต้ดวงอาทิตย์ก่อความสลดใจให้แก่ข้าพเจ้า เพราะสารพัดก็เป็นความว่างเปล่า และความวุ่นวายใจ
SOLOMON was the richest and wisest man on Earth, and once HE had come to realize that this world was only a TEMPORARY PLACE for HIM, HE then began to HATE it. SOLOMON also knew by his WISDOM that someone else would take possession of the riches HE had worked so hard for during life; and this further TROUBLED HIM.
ซาโลมอนเป็นคนที่ร่ำรวยที่สุดและฉลาดที่สุดในโลก และทันทีที่เขาได้ตระหนักว่าโลกใบนี้เป็นเพียงสถานที่ชั่วคราวสำหรับเขา เขาก็เริ่มที่จะเกลียดมัน ซาโลมอนรู้โดยสติปัญญาของพระองค์ว่าจะมีคนอื่นจะได้ครอบครองความร่ำรวยที่เขาได้สะสมมาอย่างเหน็ดเหนื่อยระหว่างมีชีวิตอยู่ และนี่เองเป็นสิ่งที่รบกวนเขาอย่างมาก
John 12:25 HE THAT LOVETH HIS LIFE SHALL LOSE IT; AND HE THAT HATETH HIS LIFE IN THIS WORLD SHALL KEEP IT UNTO LIFE ETERNAL.
ยอห์น 12:25 ผู้ใดที่รักชีวิตของตนก็ต้องเสียชีวิต และผู้ที่ชังชีวิตของตนในโลกนี้ ก็จะรักษาชีวิตนั้นไว้นิรันดร์
ONE must learn to ACCEPT EMOTION from the SOUL as an INDICATOR of TRUTH, and REALIZE that GOD is in CONTROL of ALL THINGS in this LIFE and in the AFTERLIFE! At times the TRUTH is hard to bear, SO BE IT; IT STILL REMAINS THE TRUTH.
เราต้องเรียนรู้ที่จะยอมรับอารมณ์ความรู้สึกที่ได้รับจากดวงวิญญาณว่านี่คือสัญญาณของความจริง และตระหนักว่าพระเจ้าได้ควบคุมทุกสิ่งอย่างในชีวิตนี้และรวมไปถึงชีวิตหลังความตายด้วยเมื่อถึงช่วงเวลาที่ยากจะยอมรับความจริง จงมั่นคงไว้เพราะความจริงก็ยังคงเป็นความจริงวันยังค่ำ
No comments:
Post a Comment